สายสัญญาณภาพ ที่ใช้ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV
สายสัญญาณภาพที่ใช้กับกล้องวงจรปิด คือ สาย Coaxial Cable หรือที่เรียกกันว่า สาย RG ซึ่งคำว่า RG ย่อมาจาก Radio Grade ซึ่งหมายถึง ท่อนำคลื่นความถี่ ส่วน /U ที่ต่อท้าย RG (RG/U) จะหมายว่า Universal คือการใช้งานทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันสาย RG นิยมใช้กับงานระบบรักษาความปลอดภัย (Security) , ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) , ระบบเคเบิ้ลทีวี (CATV) , ทีวีรวม (TV, MATV) และระบบดาวเทียม (Satellite)
การเลือกสาย Coaxial ให้เหมาะกับการใช้งานและให้ได้ประสิทธิภาพสูง มีหลักที่ต้องคำนึงถึงดังนี้
1. ค่าความต้านทานไฟฟ้ากระแสสลับ มีหน่วยวัดเป็น Ohms. โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ค่าคือ 50 Ohms. และ 75 Ohms. (นิยมใช้ 75 Ohms.)
2. ค่าการลดทอนสัญญาณ มีหน่วยวัดเป็น dB ซึ่งค่ายิ่งน้อยเท่าไหร่ การนำสัญญาณของสายเส้นนั้น ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง
3. ชิลด์ส่วนมากจะวัดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 60% , 95% ชิลด์ยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
องค์ประกอบของสาย
1. แกนนำสัญญาณ (Insulation) ทำจากทองแดงหุ้มเหล็ก หรือทองแดงล้วน ทำหน้าที่นำสัญญาณจากอุปกรณ์ต้นทางไปยังปลายทาง
2. ฉนวนหุ้มภายใน (Dielectric) จะเป็นโฟม หรือโพลิเอธิลีน (PE) ช่วยในการลดทอนสัญญาณ
3. ชิลด์ (Shield) มีคุณสมบัติป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นไฟฟ้า, คลื่นโรงงาน, คลื่นจักรกล, หรือสถานที่ๆ มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกรบกวนสัญญาณ และป้องกันการแพร่กระจายคลื่นสัญญาณออกมาภายนอก ประกอบด้วย 2 ชั้น
3.1 ชิลด์ทำจากอลูมิเนียมแผ่น APA
3.2 ชิลด์ทำจากอลูมิเนียม/ทองแดงถักไขว่กัน
4. ฉนวนหุ้มภายนอก (Jacket) เป็นส่วนที่ห่อหุ้มสายเพื่อป้องกันแรงกระแทกจากการดึงสาย, การขีดข่วน , และการฉีกขาด ถ้าใช้เดินภายในอาคารจะเป็น PVC ,ใช้ภายนอกอาคารจะเป็น PE ใช้แขวนเสาจะเป็น PE ที่มีสลิง (Messenger) มีทั้งสีดำ (ใช้ภายนอก) และสีขาว (ใช้ภายใน)
ซึ่งสาย Coaxial Cable นี้มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน แต่ที่นำมาใช้กับกล้องวงจรปิด มี 3 ชนิด คือ
1.สาย RG6 เป็นทีได้รับความนิยมนำมาใช้งานแบบต่างๆ เช่น TV, เคเบิ้ล, ดาวเทียม หรือ ระบบ Audio/Video และยังนิยมใช้งานกับระบบกล้องวงจรปิด CCTV มากที่สุดอีกด้วย ซึ่งสาย RG6 ในปัจจุบันมีอยู่หลายเกรดด้วยกัน แต่ที่ควรนำมาใช้งานในระบบกล้องวงจรปิด ควรจะเป็นสาย RG6 ที่มีคุณภาพสูง มีชิลด์ป้องกันสัญญาณสูง 95% เพราะหากนำสายที่มีคุณภาพต่ำ ชิลด์แค่ 60%-80% มาใช้ อาจทำให้คุณภาพของภาพออกมาไม่ดี สาย RG6 จะมีทั้งแบบที่เป็นชิลด์ทองแดงและชิลด์อลูมิเนียม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ และต่ำแหน่งที่จะใช้ในการติดตั้ง ว่าอยู่ ณ จุดใด หากเป็นจุดที่เดินสายในระยะประมาณ 500 เมตรขึ้นไป ก็ควรจะใช้สายที่เป็นชิลด์ทองแดง แต่ถ้าหากกล้องวงจรปิดในจุดนั้นเดินสายใกล้ๆไม่เกิน 300 เมตร ก็ใช้สายที่เป็นชิลด์อลูมิเนียมได้ สาย RG6 จะมีทั้งสีดำและสีขาว ซึ่งสายสีขาวจะนิยมใช้งานภายในอาคาร เพราะสายสีขาวไม่ทนทานต่อแสงแดด สาย RG6 สีขาวส่วนใหญ่จะเป็นสายเกรดต่ำ ฉนวนหุ้มสายที่เป็นสีขาวนั้นเปื่อย-ขาดได้ง่าย ส่วนสาย RG6 ที่เป็นสีดำจะเป็นสายที่มีเกรดสูงกว่าสายสีขาว ทนทานต่อแดดได้ดี ไม่เปื่อย-ขาดง่าย ทนต่อความร้อนได้ แต่ก็จะมีราคาแพงกว่าสายสีขาว สายที่นิยมมาใช้ในระบบกล้องวงจรปิดนั้นจะใช้สายสีดำที่ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และ ทนทานมากกว่าสาย RG6 สีขาว
2.สาย RG59 เป็นสายนำสัญญาณภาพเหมือนกันกับสาย RG6 แต่สาย RG59 จะมีขนาดที่เล็กกว่า และมีความยืดยุ่นสูงกว่า แต่จะนำสัญญาณภาพได้ไม่เกิน 200 เมตร เพราะมีการลดทอนของสัญญาณภาพมากที่สุด เนื่องจากสายมีขนาดเล็ก สาย RG59 จะเหมาะกับใช้งานภายในอาคาร ในลิฟท์ เพราะมีสายมีขนาดเล็กและมีความยืดยุ่นได้ดี
3.สาย RG11 เป็นสายที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถนำสัญญาณได้ไกลถึง 1,000 เมตร เพราะมีขนาดใหญ่กว่าสาย RG6 และ RG59 จึงมีแกนกลางที่ใหญ่ จึงนำสัญญาณได้ไกลกว่า เหมาะกับการใช้งานที่ต้องเดินสายระยะไกลๆ
สายสัญญาณภาพที่นำมาใช้กับกล้องวงจรปิด
RG59 ใช้เดินสายในระยะ 0-200 เมตร
RG6 ใช้เดินสายในระยะ 0-500 เมตร
RG11 ใช้เดินสายในระยะ 500-1,000 เมตร
ในกรณีที่ต้องเดินสายไกลเกินกว่า 1,000 เมตร จะต้องใช้อุปกรณเสริมเข้ามาช่วย หรือที่เรียกว่า บูตเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขยายสัญญาณภาพ และนำสัญญาณภาพไปได้ไกลกว่าเดิม บูตรเตอร์บางรุ่นนำสัญาณภาพได้ไกลถึง 1,500 เมตร บางรุ่นนำสัญญาณภาพได้ไกลเกินกว่า 2,000 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่ความเหมาะสมตามหน้างานที่ติดตั้งกล้อง
** การนำไปใช้ จะใช้กับกล้องวงจรปิดที่เป็นระบบ Analog ( ปัจจบันจะมีความคมชัดมากขึ้น เป็นระบบ HD )
Coaxial (โคแอคเชียล) หรือ “สายแกนร่วม” หรือ RG (Radio Guide) หรือ สายนำสัญญาณวิทยุ เพื่อป้องกันการสับสนมันคือสายชนิดเดียวกันนั่นเอง
สาย RG6 ส่วนใหญ่แล้วใช้ในงาน ด้านกล้องวงจรปิด สายอากาศทีวี สายจานดาวเทียม หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบหลักๆ จะประกอบไปด้วย
1. Conductor (ตัวนำสัญญาณ) ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเหล็กหุ้มด้วยทองแดง ถ้าหุ้มด้วยทองแดง CCS (Copper Covered Steel)จะบอกเป็น % ของทองแดงหุ้มหรือบางครั้งจะใช้เป็นทองแดงล้วนไปเลย สาเหตุที่ส่วนใหญ่ไม่ใช้เป็นแกนทองแดงล้วนเพราะ ราคาทองแดงราคาสูง และกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่จะไหลผ่านตัวนำที่บริเวณพื้นที่ผิวของวัตถุ |
2. Insulator (ฉนวนหุ้ม) ทำหน้าที่ป้องกันสัญญาณรบกวน จะใช้เป็นโฟม หรือ PE แล้วหุ้มทับด้วยเทปอลูมิเนียม |
3. Wire Braid Shield (ชิลด์หรือเส้นถัก) ส่วนใหญ่ทำจากอลูมิเนี่ยมและทองแดง ป้องกันการแพร่กระจายของสัญญาณรบกวน และการกระจายของสัญญาณออกมาภายนอก จะบอกเป็น % คือพื้นที่ความหนาแน่นที่ในการถัก เช่น 60% 90% 95% สูงสุดอยู่ที่ 95% หรือจำนวนของเส้นที่ใช้ในการถัก เช่น 112, 120, 124, 144 เส้นยิ่งมากก็ยิ่งช่วยในการนำสัญญาณได้ดี และป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก ทำให้เดินได้ในระยะที่ไกลขึ้นและป้องกันการกวนของสัญญาณจากภายนอกได้ดี |
4. Jacket (เปลือกหุ้มสาย) ทำหน้าที่หุ้มสายทั้งหมด ถ้าใช้ภายในจะทำด้วย PVC (Polyvinylchloride) ส่วนภายนอกจะใช้วัสดุที่เป็น PE (Polyethylene ) ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถป้องกันน้ำและทนแดด สามารถใช้ภายนอกได้
|
สายที่ส่วนมากที่นิยมใช้สำหรับกล้องวงจรปิดจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด มาตรฐานของสายสัญญาณ RG ระยะที่แนะนำมีดังนี้ |
► RG59 สามารถเดินได้ไกล ระยะ 350 เมตร ขนาดของสาย จะมีขนาดเล็กกว่ายืดหยุ่นกว่าเหมาะสำหรับเดินระยะไม่ไกลมาก ตัวสายดัดโค้งงอได้ง่าย
► RG6 สามารถเดินได้ไกล ระยะ 450 เมตร เป็นที่นิยมที่สุดเพราะราคาถูกเดินได้ระยะไกลกว่าสายไม่แข็งมาก
► RG11 สามารถเดินได้ไกล ระยะ 750 เมตร เหมาะสำหรับเดินภายนอกอาคารที่ระยะไกลๆ ขนาดของสายเส้นจะใหญ่กว่าทุกแบบ
|
ถ้าระยะที่เกินกว่านี้ส่วนมากจะใช้ไฟเบอร์ออฟติกเพื่อทำการแปลงสัญญาณจาก Analog เป็นคลื่นแสงแบบดิจิตอล แล้วทำการแปลงสัญญาณกลับมาเป็นสัญญาณ Analog ที่ใช้กับกล้องอีกครั้ง เช่น ไฟเบอร์ออฟติก แบบมัลติโหมด สามารถเดินได้ถึง 2 กิโลเมตร ส่วนถ้าเป็น Single Mode สามารถเดินได้ถึง 80 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว |
สรุป การใช้เลือกใช้สายในการใช้งานกล้องวงจรปิดควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานเช่นหากต้องการเดินในที่พักอาศัยระยะไม่ไกลก็ใช้สายที่วัสดุ PVC หรือที่เป็นแบบสีขาว ก็อาจจะเพียงพอแล้วเพราะสามารถดัดโค้งงอได้ง่ายกว่าแถมประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า ถ้าเดินข้างนอกระยะไม่ไกลมากก็ใช้เป็นสายที่ทำจาก PE ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ หรือถ้าเดินผ่านส่วนของไฟโรงงานที่เป็น 3 เฟสหรือ มอเตอร์และหม้อแปลงขนาดใหญ่ก็แนะนำให้เดินสายไฟเบอร์ออฟติกไปเลย แต่ราคาก็จะขยับขึ้นมาแต่ได้ความเสถียรเพราะไฟเบอร์ออฟติกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่สามารถรบกวนคลื่นสัญญาณแสงได้